รู้จักเหล็กที่ใช้ผลิตตะแกรงเหล็กฉีก

รู้จักเหล็กที่ใช้ผลิตตะแกรงเหล็กฉีก

รู้จักกับที่มาของเหล็กที่นำมาใช้ทำตะแกรงเหล็กฉีก
และคุณสมบัติโดดเด่นที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
เพื่อการเลือกใช้งานอย่างเหมาะสมและคุ้มค่าการลงทุนที่สุด

ตะแกรงเหล็กฉีก

 

เหล็ก เป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างที่เราทราบกันดีว่า มีความแข็งแกร่งทนทาน สามารถรองรับน้ำหนัก และแรงกดทับได้ดี จึงเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในงานต่าง ๆ โดยเฉพาะการทำงานก่อสร้าง ทั้งการใช้เป็นโครงสร้างของอาคาร ไปจนถึงงานออกแบบตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน ตลอดจนเป็นส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์ และของใช้ทั่วไปชนิดต่าง ๆ ด้วย

ตลอดจนแร่เหล็กนั้นถือว่าเป็นหนึ่งใน Commodity Product หรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีค่าและมีราคากลางอิงตามราคาในตลาดโลกไม่ต่างจากน้ำมันหรือทองคำ ทุกชิ้นส่วนของการใช้งานเหล็กจึงมีค่าและต้นทุน แม้แต่เศษเหล็กก็สามารถนำมาหลอมและทำการแปรรูปใหม่ เพื่อให้ได้ชิ้นส่วนเหล็กกลับไปใช้งานได้ และหนึ่งในนั้นคือ ตะแกรงเหล็กฉีก ซึ่งเป็นตะแกรงที่เกิดจากการนำแผ่นวัสดุโลหะ ทั้งแผ่นเหล็ก อลูมิเนียม หรือสแตนเลสมาเข้าเครื่องฉีกให้เกิดเป็นรูช่องตารูปข้าวหลามตัดเป็นส่วนใหญ่ โดยแต่ละรุ่นจะมีขนาดรูที่ต่างกัน แต่มีจุดเด่นตรงที่แต่ละมุมของรูช่องตาในลายที่ฉีกนั้นจะติดกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม ไม่มีรอยนูนเหมือนการนำเหล็กเส้นมาเชื่อมต่อกันเป็นตะแกรง รวมถึงยังมีความแข็งแรงทนทาน นำไปใช้งานได้หลากหลายประเภท

และในบทความนี้ ยัวร์ คอนเนค เมทัล เวิร์ค จะพาทุกท่านไปรู้จักกับที่มาที่ไปของเหล็กที่นำมาใช้ทำตะแกรงเหล็กฉีก ว่ามีประเภทใดบ้าง และมีคุณสมบัติโดดเด่นที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เพื่อการเลือกใช้งานอย่างเหมาะสมและคุ้มค่าการลงทุนที่สุด


เหล็กที่ใช้ผลิตตะแกรงเหล็กฉีก

สำหรับเหล็กที่สามารถใช้ทำตะแกรงเหล็กฉีกได้นั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ๆ ก็คือ เหล็กดำ และ เหล็กขาว ซึ่งมีความแตกต่างกันอันเนื่องมาจากขั้นตอนในกระบวนการผลิตที่ไม่เหมือนกัน ดังต่อไปนี้


1. ตะแกรงเหล็กฉีกที่ผลิตจากเหล็กดำ

หรือที่มีรหัสย่อว่า SS400 และ SPHC โดย เหล็กดำ ที่นำมาทำตะแกรงเหล็กฉีกนั้น คือเหล็กที่ผ่านกระบวนการรีดร้อน (Hot Roll Steel Sheet) ซึ่งมีกรรมวิธีคร่าว ๆ คือ การนำเศษเหล็กมาหลอมด้วยเตาไฟฟ้าจนได้น้ำเหล็กร้อน แล้วจึงนำไปทำให้แข็งตัวเป็นแผ่นเหล็กโดยผ่านกระบวนการหล่อแบบต่อเนื่องจนได้เหล็กที่เป็นแผ่นหนาออกมา จากนั้นจึงทำการตัดแยกแผ่นเหล็กดังกล่าวก่อนที่จะนำไปเข้าเตาอบที่มีความร้อนในช่วงอุณหภูมิประมาณ 1,100 ถึง 1,250 องศาเซลเซียส แล้วส่งไปยังขั้นตอนการพ่นน้ำแรงดันสูงเพื่อขจัดสนิมก่อนจะนำไปรีดลดขนาดอีกครั้งด้วยอุณหภูมิสูง 870 องศาเซลเซียสขึ้นไป สุดท้ายก็จะนำแผ่นเหล็กดังกล่าวไปทำให้เย็นลง โดยใช้น้ำหล่อเย็นและนำเข้าเครื่องม้วนเหล็กโดยการใช้ความร้อนอีกครั้ง ก็จะได้แผ่นเหล็กรีดร้อนที่พร้อมใช้งาน

และเนื่องจากแผ่นเหล็กรีดร้อนที่ผ่านกระบวนการทั้งหมดเหล่านี้แล้ว ทำให้สีของแผ่นเหล็กที่ได้เป็นสีออกเทาและดำ จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า เหล็กดำ และแผ่นเหล็กดำเหล่านี้ก็สามารถนำไปใช้งานได้อีกหลากหลายประเภท ทั้งการพับเป็นเหล็กสำหรับโครงสร้าง งานท่อเหล็ก ตลอดจนการใช้ทำตะแกรงเหล็กฉีก ซึ่งสามารถนำแผ่นเหล็กรีดร้อนหรือแผ่นเหล็กดำนี้ ไปเข้าเครื่องจักรสำหรับผลิตตะแกรงเหล็กฉีกโดยเฉพาะ โดยคุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจของเหล็กดำที่เมื่อนำมาทำตะแกรงเหล็กฉีกก็จะก่อให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า เช่น

•  ความเหนียวและแข็งแรงสูง ด้วยหลักใหญ่ใจความที่ว่า ตะแกรงเหล็กฉีกนั้นผลิตมาจากเหล็กดำทั้งแผ่นที่ผ่านกระบวนการฉีกถ่างให้เกิดรูช่องตา จึงไม่ทำให้เกิดการหลุดหลวมเหมือนตะแกรงเหล็กที่ใช้วิธีการเชื่อมต่อ ตะแกรงเหล็กฉีกเหล็กดำจึงมีความแข็งแรงทนทาน มีความยืดหยุ่นและรองรับน้ำหนักได้ดี ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นนี้ จึงสามารถนำเหล็กดำไปทำเป็นตะแกรงเหล็กฉีกได้หลายรุ่น เช่น รุ่น XS, รุ่น XG, รุ่น G เป็นต้น ซึ่งเป็นรุ่นที่สามารถฉีกให้มีรูช่องตากว้าง โดยที่แผ่นเหล็กไม่มีความเสียหายทั้งในขั้นตอนการผลิตและการนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพคุ้มค่า

•  มีผิวหน้าที่ฝืด เพราะมีเหลี่ยมมุมบริเวณผิวหน้าตะแกรงเหล็กฉีก จึงไม่ทำให้เกิดความลื่น บวกกับคุณสมบัติด้านความแข็งแรงทนทานแล้ว จึงสามารถนำไปใช้ในงานปูพื้นทางเดินหรือทำทางรถวิ่งได้ดี

•  ตะแกรงเหล็กฉีกเหล็กดำมีราคาไม่สูง เนื่องจากในการผลิตเหล็กดำนั้น เป็นการนำเศษเหล็กมาหลอมให้เกิดเป็นแผ่นเหล็กดำ ซึ่งทำให้ต้นทุนในผลิตไม่สูง และในการผลิตตะแกรงเหล็กฉีกจากเหล็กดำนั้น ก็เป็นการใช้เหล็กทั้งแผ่นมาฉีกออกให้เกิดช่องตา จึงไม่ทำให้เกิดการสูญเสียวัสดุ สามารถประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนได้เป็นอย่างดี
ด้วยคุณสมบัติเบื้องต้นของเหล็กดำทั้งหมดนี้ จึงสามารถนำไปใช้วัสดุหลักในการผลิตเป็นตะแกรงเหล็กฉีกได้มากมายหลายหลายสิบรุ่น ซึ่งคุณสามารถดูรายละเอียดตัวอย่างสินค้าตะแกรงเหล็กฉีกรุ่นต่าง ๆ เพิ่มเติมในเว็บไซต์ของเราได้ คลิกที่นี่

2. ตะแกรงเหล็กฉีกที่ผลิตจากเหล็กขาว

หรือที่มีตัวย่อเรียกว่า SPCC สำหรับเหล็กขาวนั้น เป็นเหล็กที่ผลิตด้วยกระบวนการรีดเย็น (Cold Roll Carbon Steel Sheet) ซึ่งเป็นการนำเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน มาผ่านกระบวนการกำจัดสนิมที่พื้นผิวด้วยการกัดกรดก่อน จึงทำให้เหล็กแผ่นที่ผ่านการกัดกรดกำจัดสนิมแล้วกลายเป็นเหล็กแผ่นที่มีสีขาวเทา จึงเป็นที่มาของชื่อเหล็กขาว จากนั้นจึงมีการตัดตกแต่งขอบแล้วนำเข้าสู่กระบวนการรีดเย็นที่อุณหภูมิห้อง เพื่อลดขนาดความหนาและปรับความเรียบของแผ่นเหล็กขาวต่อไป รวมถึงเนื้อของแผ่นเหล็กขาวอาจมีความแข็งสูงและไม่ยืดตัว จึงอาจมีการอบ (Annealing) อีกครั้ง เพื่อทำให้เนื้อเหล็กมีการยืดตัวอีกเล็กน้อยก่อนนำไปใช้แปรรูปในงานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายและได้คุณภาพที่สม่ำเสมอต่อไป

สำหรับจุดเด่นของเหล็กขาว คือ สามารถนำมารีดให้เป็นแผ่นบางได้ง่าย เมื่อนำมาเข้าสู่ขั้นตอนการทำตะแกรงเหล็กฉีก ก็จะสามารถทำตะแกรงเหล็กฉีกที่มีขนาดความหนาเพียง 0.6 มิลลิเมตรได้ โดยจะเป็นตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น CT ซึ่งนับว่ามีความบางกว่ารุ่นมาตรฐานของตะแกรงเหล็กฉีกรุ่นอื่น ๆ ทั่วไป รวมถึงยังมีจุดเด่นที่เป็นคุณสมบัติเด่นของตะแกรงเหล็กฉีกที่ผลิตจากเหล็กขาว ไม่ว่าจะเป็น

•  มีรูช่องตาที่เกิดจากการฉีกที่มีขนาดเล็กและถี่มาก ในระดับที่สามารถใช้แทนมุ้งลวดกันยุงหรือแมลงอื่น ๆ ได้เลยทีเดียว

•  มีความทึบ สามารถใช้ในงานที่ต้องการทำที่บังตาได้ดี แต่เนื่องจากมีช่องรูที่มีความถี่อยู่ ก็จะยังคงความสามารถในการระบายถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี แม้จะติดตั้งในที่ปิดหรือในห้องก็ช่วยให้มีอากาศผ่านได้ดี

•  มีความอ่อนตัว สามารถตัดชิ้นได้ง่าย จึงเหมาะกับการนำตะแกรงเหล็กฉีกจากเหล็กขาวไปใช้ในงานที่ต้องการรายละเอียดปลีกย่อยชิ้นเล็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานตกแต่งโครงสร้างอาคาร เป็นส่วนประกอบเล็ก ๆ ของเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ตลอดจนเป็นส่วนประกอบของอะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ไส้กรอง หรือหน้ากากของอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ เป็นต้น

และนอกเหนือจากคุณสมบัติที่เด่นของตะแกรงเหล็กฉีกที่ทำจากเหล็กขาวจะมีมากมายหลายข้อแล้ว ก็ยังมีจุดที่เป็นข้อควรระวังในการใช้งานด้วยเช่นกัน เนื่องจากตะแกรงเหล็กฉีกเหล็กขาวนั้นมีความบางของแผ่นตะแกรงที่บางกว่ารุ่นอื่น ๆ จึงทำให้การรับน้ำหนักหรือแรงกดทับได้ไม่มากเท่าไรนัก จึงควรเลี่ยงการนำไปใช้งานรองรับน้ำหนักในส่วนที่มีการสัญจรผ่านไปมา เช่น การทำขั้นบันได หรือทางเดิน เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน และความคุ้มค่าในการลงทุน เพราะสามารถใช้ตะแกรงเหล็กฉีกที่ผลิตจากเหล็กดำหรือวัสดุอื่น ๆ ทดแทนได้

นอกจากนี้ ตะแกรงเหล็กฉีกที่ผลิตจากเหล็กขาวนั้นอาจมีการเกิดสนิมขึ้นได้ง่ายกว่าเหล็กดำที่ผลิตจากกระบวนการรีดร้อน ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับงานที่ต้องสัมผัสกับน้ำหรือความชื้นมากนัก จึงเป็นอีกส่วนที่ควรพิจารณาในการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานหรือสถานที่เช่นกัน

แต่หากจำเป็นต้องใช้งานในพื้นที่มีสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลให้ตะแกรงเหล็กฉีกเกิดสนิมได้ง่าย ทั้งความชื้น กรด ด่าง หรือสารเคมีอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็สามารถนำตะแกรงเหล็กฉีกไปชุบกัลวาไนซ์เพิ่ม เพื่ออัพเกรดความทนทาน เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ตลอดจนเกิดความเงางามทำให้การตกแต่งสวยขึ้นได้อีกด้วย


เมื่อรู้จักและเข้าใจคุณสมบัติของเหล็กที่ใช้ผลิตตะแกรงเหล็กฉีกอย่างครบถ้วนแล้ว หากคุณมีความสนใจในการใช้งานตะแกรงเหล็กฉีกสำหรับงานตกแต่ง ต่อเติมโครงสร้างอาคาร หรือใช้เป็นองค์ประกอบในงานอื่น ๆ ก็สามารถเลือกใช้บริการจาก ยัวร์ คอนเนค เมทัล เวิร์ค เพราะเรามีความเชี่ยวชาญในการผลิตตะแกรงเหล็กฉีก และงานด้านแผ่นโลหะครบวงจร พร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบผลิตภัณฑ์ สำหรับงานที่ต้องใช้เหล็กและโลหะทุกประเภท

 *** รับปรึกษาและออกแบบผลิตภัณฑ์ ***

ADD LINE ได้เลย !!!

 

    ตะแกรงเหล็กฉีก

      064-958-0044 (แบงค์)

    ตะแกรงเหล็กฉีก

    092-636-2561 (เจน)

 

โทรศัพท์ : 02-577-7061 , 02-577-7063 (ออฟฟิศ)

Visitors: 886,224