ปัจจัยที่มีผลต่อราคาตะแกรงเหล็กฉีก

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาตะแกรงเหล็กฉีก

กระบวนการผลิตตะแกรงเหล็กฉีก ที่ทำให้มีราคาถูกกว่าตะแกรงเจาะรู

ตะแกรงเหล็กฉีก

          สถานการณ์ COVID-19 ในปี 2564 เป็นเรื่องใหญ่ที่ถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นต้นตอของปรากฏการณ์ในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจ แต่หากมองลงไปในวงการก่อสร้างแล้ว สิ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก คงไม่สามารถหนีไม่พ้น “ราคาเหล็ก” ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าเราเทียบกับช่วงปลายปี 2563 ราคาเหล็กปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 50% สาเหตุที่ทำ ราคาเหล็ก ปรับตัวสูงขึ้นมาก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจของโลกหยุดชะงัก ส่งผลให้ในช่วงแรกความต้องการ (Demand) การใช้งานเหล็กลดลงทั่วโลก ประกอบกับการเพิ่มมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของรัฐบาล ทำให้เกิดการปิดตัวของโรงงานในหลายประเทศ

          จากเหตุการณ์ปลายปี 2563 ผลลัพธ์จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด รวมถึงข่าวดีจากวัคซีนไวรัส COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพ และเริ่มมีการฉีดในประเทศมหาอำนาจของโลก โดยเฉพาะประเทศจีน ที่สามารถควบคุมสภานการณ์ได้ก่อน จึงส่งผลให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ที่ทำให้เห็นชัดเลย ก็คือ ความต้องการในการใช้งานเหล็กจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย นอกจากนี้ประเทศจีนได้มีมาตรการส่งเสริมการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินจากภาครัฐไปยังภาคเศรษฐกิจ ส่งผลให้จีนผลิตเหล็ก (Supply) ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ เมื่อปัจจัยมาผนวกกันส่งผลให้ราคาเหล็กปรับตัวพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

          ในส่วนของเหล็กที่มีความสำคัญในปัจจุบันเฉกเช่น “ตะแกรงเหล็กฉีก” เป็นการนำวัตถุดิบ อันได้แก่ เหล็ก สแตนเลส หรือ อลูมิเนียมที่เป็นแผ่นเรียบ มาเจาะแล้วฉีกถ่างออกเป็นลักษณะตาข่ายรูปข้าวหลามตัด สามารถนำมาใช้งานได้หลากหลาย และกำลังเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทในปัจจุบัน เนื่องจากมีความคงทนแข็งแรง ราคาถูก และใช้งานได้สารพัดประโยชน์ อาทิเช่น ปูพื้นทางเดิน ตะแกรงระบายน้ำ กันนก ทำรั้วหรือตกแต่ง เป็นต้น ที่จำเป็นต้องกล่าวถึง ตะแกรงเหล็กฉีก เพราะ เป็นตัวเลือกที่สามารถช่วยท่านผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนได้ในการทำธุรกิจ รวมถึงสามารถที่จะเข้าใจถึงปัจจัยหลักที่ทำให้ตะแกรงเหล็กฉีกมีราคาถูกกว่าวัสดุอื่น ๆ โดยเฉพาะตะแกรงเจาะรู คือ

 

ปัจจัยเรื่องกระบวนการผลิตตะแกรงเหล็กฉีก ที่ทำให้มีราคาถูกกว่าเนื่องด้วยเหตุผลด้านการผลิต ดังนี้

  1. ตะแกรงเหล็กฉีก เป็นเหล็กที่ผลิตมาจากเหล็กแผ่นเต็ม หน้ากว้าง 4 ฟุต หรือ 5 ฟุต โดยกระบวนการเข้าเครื่องไปฉีกถ่างออกเป็นตาตะแกรง ซึ่งจะไม่มีการปั๊มทะลุให้เศษของเหล็กหลุดออกไปเลย แต่การผลิตตะแกรงเหล็กฉีกจึงไม่เกิดเศษเหล็กขึ้น ซึ่งสามารถใช้เนื้อของเหล็กแผ่นนั้นมาเป็นเนื้อตะแกรงได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยการที่ไม่เกิดเศษเหลือ (Zero Waste) นั่นเอง เป็นเหตให้ต้นทุนค่าวัตถุดิบที่ใช้ทำตะแกรงเหล็กฉีกถูกลง เทียบกับตะแกรงเจาะรูแล้ว การผลิตตะแกรงเจาะรูขนาด 4x8 ฟุต ต้องใช้เหล็กแผ่น 4x8 ฟุตมาปั๊ม แต่ตะแกรงเหล็กฉีก ใช้เหล็กหน้ากว้าง 4 ฟุต แต่ความยาวไม่ถึง 8 ฟุต ก็สามารถทำตะแกรงเหล็กฉีกแผ่นขนาด 4x8 ฟุตได้
  2. ตะแกรงเหล็กฉีก โดยใช้เครื่องจักรในการผลิต คือ เครื่องฉีกตะแกรงตัวเดียวก็สามารถผลิตได้ ในขณะที่ตะแกรงเจาะรู นอกจากจะต้องมีเครื่องปั๊มกดแรงแล้ว เรายังต้องมีแม่พิมพ์รูปแบบต่าง ๆ เพื่อประกอบกับเครื่องปั๊มเพื่อให้ได้ชิ้นงานออกมาอีกด้วย เป็นเหตุให้ผู้ผลิตจึงต้องคิดราคา ค่าเสื่อม ค่าผลิต อะไรต่าง ๆ กับลูกค้าจาก 2 ทางคือทั้งจากเครื่องปั๊มและตัวแม่พิมพ์ ทำให้เป็นอีกปัจจัยที่ตะแกรงเจาะรูมีราคาแพงกว่าตะแกรงเหล็กฉีก อีกทั้งตัวแม่พิมพ์ตะแกรงเจาะรูมีบ่อยครั้งที่แม่พิมพ์แตกและต้องทำใหม่ซึ่งต้นทุนการทำแม่พิมพ์ก็สูงพอสมควร
  3. ตะแกรงเหล็กฉีก สามารถผลิตเก็บไว้ในสต๊อกเป็นจำนวนมากได้ ในรุ่นที่นิยมใช้กันมาก เช่นรุ่น XS31,XS32,XS41,XS42,XS43 เป็นต้น เราสามารถผลิตเป็นจำนวนมากเพื่อรอขายได้ เนื่องจากเป็นรุ่นที่ผู้ประกอบการทุกคนใช้ และมั่นใจได้ว่าขายหมด รวมถึงต้นทุนในการเก็บรักษาสต๊อกก็ไม่ได้สูงมากเกินไปนัก เนื่องจากสามารถวางทับซ้อน ๆ กันได้เยอะมาก การผลิตได้ครั้งละมาก ๆ เป็นเหตุให้เกิดการทำให้เกิดการประหยัดเนื่องจากขนาด (Economy of scale) ในด้านการผลิตขึ้นทั้งด้านวัตถุดิบ รวมถึงช่างเทคนิคที่ต้องมาเซ็ตเครื่องจักร ค่าไฟฟ้า ฯลฯได้ จากปัจจัยการผลิตข้างต้น เพียงพอแล้วที่จะหาเหตุผลว่าทำไมตะแกรงเหล็กฉีกจึงมีราคาถูกกว่า

          จาก 3 ข้อข้างต้นที่กล่าว จะพอเห็นได้ว่าเพราะเหตุใด ปัจจัยที่มีผลต่อราคาตะแกรงเหล็กฉีกและต่อจากนี้เราจะอธิบายถึงผลกระทบที่ตามมาในงานก่อสร้างเพื่อให้ผู้ประกอบการเห็นภาพเพิ่มเติม

          งานก่อสร้าง หรือ งานที่สร้างในกล่มอสังหาทุกประเภท เป็นงานที่มีการระบุสัญญาชัดเจน ตั้งแต่วันที่เริ่มทำสัญญาก่อสร้างกับทางเจ้าของงาน ทำให้เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของราคาวัสดุก่อสร้างในช่วงระหว่างการก่อสร้าง ทำให้ราคาที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุน และกำไรของโครงการโดยตรง การรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบกับกระแสเงินสดที่มีความคล่องตัวลดลง ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาหลายเรื่องตามมา โดยเราได้ทำการสรุปและรวบรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นให้ ดังนี้

  1. ต้นทุนโครงการที่เพิ่มขึ้น
    เหล็กเป็นวัสดุที่สำคัญในงานก่อสร้าง และส่งผลกระทบกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 1%-10% ขึ้นอยู่กับประเภทของโครงการว่ามีการใช้งานเหล็กมากน้อยแค่ไหน จึงนำข้อมูลที่วิเคราะห์สัดส่วนต้นทุนที่เกิดขึ้นในปี 2564 ของงานประเภท บ้าน/ทาวน์เฮ้าส์/ที่พักอาศัยแนวราบ โดยแบ่งสัดส่วนต้นทุนในเป็น 2 แบบด้วยกันได้แก่
  2. การประมูลงาน
    ส่งผลให้ผู้รับเหมามีการตัดราคาในการประมูลงาน เพราะต้องการกระแส เงินสดเพื่อหล่อเลี้ยงบริษัทแม้จะยอมขาดทุนในบางงานก็ตาม จากการสำรวจได้ข้อมูลว่า การเสนอราคายากขึ้น เนื่องจากราคาเหล็กเพิ่มขึ้นส่งผลให้ ต้องเผื่อราคาเหล็กที่เยอะขึ้นเพื่อประมาณการราคาเหล็กที่อาจสูงขึ้นหลังจากทำสัญญา แต่หากเผื่อราคาเยอะเกินไปก็ทำให้โอกาสได้งานน้อย เพราะการตัดราคาของคู่แข่งที่ร่วมประมูลงานด้วย

          หากท่านผู้ประกอบการกำลังมองหาผู้ผลิต และจำหน่าย ตลอดจนวัสดุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง ตกแต่งอาคาร สถานที่ทั้งภายใน และภายนอก บริษัท ยัวร์ คอนเนค เมทัล เวิร์ค จำกัด พร้อมให้บริการทั้งก่อน และหลังการขาย รวมถึงขั้นตอนการให้คำปรึกษาจากพนักงานผู้เชี่ยวชาญ ใส่ใจในขั้นตอนการผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย พร้อมอำนวยความสะดวกด้วยบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ สนใจเลือกตะแกรงเหล็กที่สวยงาม เหมาะกับงาน มีคุณภาพและมาตรฐานปลอดภัย

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท ยัวร์ คอนเนค เมทัล เวิร์ค จำกัด
Tel: 02-577-7061, 02-577-7063 (ออฟฟิศ)
Email: ycmw.asia@gmail.com
Website: https://www.yc-mw.com

Visitors: 886,205